
ท่องเที่ยวเชียงใหม่
ท่องเที่ยวเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือ ของประเทศไทย ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 20,107 ตารางกิโลเมตร ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ มีประชากรราว 1.76 ล้านคน มากเป็นอันดับ 5 ของประเทศ ในจำนวนนี้เป็นประชากรที่อาศัยอยู่ในเขตเมือง และชานเมืองราว 960,000 คน โดยจังหวัดเชียงใหม่ทิศเหนือติดต่อกับรัฐชาน ประเทศพม่า
จังหวัดเชียงใหม่ มีเขตเมืองที่จัดเป็นเมืองใหญ่ อันดับที่สองของประเทศไทย รองจากกรุงเทพมหานคร มีประชากรในเขตเมืองและชานเมือง 960,906 คน (พ.ศ. 2553) จังหวัดเชียงใหม่ แบ่งการปกครองออกเป็น 25 อำเภอ โดยมีอำเภอเมืองเชียงใหม่ เป็นศูนย์กลางของจังหวัด เมื่อ พ.ศ. 2552 มีการจัดตั้งอำเภอกัลยาณิวัฒนา เป็นอำเภอลำดับที่ 25 ของจังหวัด และลำดับที่ 878 ของประเทศ ซึ่งเป็นอำเภอล่าสุดของไทย
จังหวัดเชียงใหม่ มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรล้านนาแต่โบราณ มี “คำเมือง” เป็นภาษาท้องถิ่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งด้านประเพณีวัฒนธรรม และมีแหล่งท่องเที่ยวจำนวนมาก โดยเริ่มวางตัวเป็นนครสร้างสรรค์ และได้รับการประกาศเป็นเมืองสร้างสรรค์ของโลก ทางด้านหัตถกรรม และศิลปะพื้นบ้าน เมื่อปี พ.ศ. 2560 ปัจจุบันกำลังพิจารณาสมัครเมืองมรดกโลก จากองค์การยูเนสโก เชียงใหม่ยังถือเป็นศูนย์กลางด้านดาราศาสตร์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเป็นที่ตั้งของหอดูดาวแห่งชาติ และอุทยานดาราศาสตร์แห่งชาติ
1. อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์

อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ประกาศเป็นอุทยานฯ เมื่อ พ.ศ.2515 ประกาศเป็นอุทยานฯ เป็นลำดับที่ 6 ของประเทศไทย มีพื้นที่ 482.4 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ในเขตอำเภอจอมทอง อำเภอแม่แจ่มอำเภอแม่วาง และกิ่งอำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ ดอยอินทนนท์แต่เดิมดอยนี้มีชื่อว่า “ดอยหลวง” หรือ “ดอยอ่างกา” ดอยหลวง มาจากขนาดของดอยที่ใหญ่มาก ชาวบ้านจึงเรียกกันว่า “ดอยหลวง” (หลวง: เป็นภาษาเหนือ แปลว่า ใหญ่) ดอยอ่างกา มีเรื่องเล่าว่า ห่างจากยอดดอยไปทางทิศตะวันตกประมาณ 300 เมตร มีหนองน้ำแห่งหนึ่งลักษณะเหมือนอ่าง ฝูงกาจำนวนมากมายมักพากันไปเล่นน้ำที่หนองน้ำแห่งนี้ จึงพากันเรียกว่า “อ่างกา” และภูเขาขนาดใหญ่แห่งนั้นก็เลยเรียกกันว่า “ดอยอ่างกา” แต่ก็มีบางกระแสกล่าวว่า คำว่า “อ่างกา” นั้น
ดอยอินทนนท์ ยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย เพราะจะขึ้นเหนือทั้งทีต้องไปให้สุด ถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญในจังหวัดเชียงใหม่ นอกจากจะไปถ่ายกับป้ายสูงสุดแดนสยามแล้ว ยังมีจุดชมทะเลหมอกที่สวยงาม หรือจะเดินชมความเขียวขจีของผืนป่า ในเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน และอ่างกา ที่ชวงนี้เปิดให้เข้าไปเดินเล่นในทุ่งหญ้า สูดอากาศรับลมหนาวอย่างเต็มที่
2. ดอกพญาเสือโคร่ง ณ ขุนช่างเคี่ยน

ดอกพญาเสือโคร่ง ณ ขุนช่างเคี่ยน บานกำลังใกล้เข้ามา และสำหรับใครๆ ที่ไม่ชอบทริปลุยป่าสุดอึดก็ไม่ต้องเสียใจว่าจะอดชมความงามซากุระเมืองไทยที่ไม่ต้องบินไกลไปถึงญี่ปุ่น เพราะ เสิร์ชเอ็นจิ้น Skyscanner มีที่เที่ยวชมซากุระบานเมืองไทยแบบไม่ลำบากกายกันที่ขุนช่างเคี่ยนมาฝาก นอกจากจะเดินทางไปชมดอกไม้บานกันได้อย่างสะดวกสบายแล้ว ทัวร์ขุนช่างเคี่ยนของคุณก็ยังมีที่เที่ยวอื่นๆ ให้ได้แวะชมและแวะเที่ยวกันอีกหลายแห่งด้วยนะจะบอกให้
ขุนช่างเคี่ยน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่าสถานีวิจัยและศูนย์อบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน เป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ขุนช่างเคี่ยนขึ้นชื่อเรื่องเป็นแหล่งชมดอกซากุระเมืองไทย (ดอกพญาเสือโคร่ง) บานในช่วงฤดูหนาวปลายปี-ต้นปีที่ไปชมได้ง่าย มีจำนวนเยอะ และอยู่ใกล้ตัวเมืองเชียงใหม่ที่สุด นอกจากนั้นแล้วที่สถานีวิจัยเกษตรฯ แห่งนี้ยังเป็นที่แปลงเพาะพันธุ์ผลไม้เมืองหนาว เช่น ลูกพลับ ลูกท้อ ลูกพลัม ลูกบ๊วย อะโวคาโด มะคาเดเมีย ลิ้นจี่ และไร่กาแฟ ให้ได้ชมและเลือกซื้อผลิตผลที่มีจำหน่ายติดไม้ติดมือกลับบ้านอีกด้วย
3. ไร่ชาวิวสวยในเมืองไทย

ไร่ชาวิวสวยในเมืองไทย อีกหนึ่งสถานที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ก็คงจะเป็น “ไร่ชา” ในเมืองไทยนั้นมีไร่ชาขึ้นชื่อหลายที่ และแต่ละที่นั้นนอกจากจะได้ถ่ายรูปไร่ชาทอดยาวตามขั้นบันไดแล้ว ก็สามารถชิมชากลิ่นหอมๆ ได้อีกด้วย ซึ่งไร่ชาในจังหวัดเชียงใหม่นั้นมีอยู่หลายที่ เช่น
- ไร่ชาลุงเดช ตั้งอยู่ในอำเภอแม่แตง ปลูกชาพันธุ์ดี 2 สายพันธุ์คือ ชาเบอร์ 12 และพันธุ์ก้านอ่อน
- ไร่ชาระมิงค์ แหล่งกำเนิดชาแรกของไทย ที่มีชื่อเสียงมานานกว่า 70 ปี ที่นี่ทำไร่ชา และผลิตใบชาในพื้นที่ภูเขาสูง 900-1200 เมตรจากระดับน้ำทะเล บนดอยเชียงดาว แหล่งต้นน้ำปิง อ. แม่แตง
- ไร่ชา 2000 หุบเขาเล็กๆ แต่มากความสวยงาม ด้วยทัศนียภาพแห่งทะเลหมอก และไร่ชา ไร่สตรอเบอร์รี ขั้นบันไดตามเนินเขา เป็นภาพที่คุณจะต้องประทับใจ
4. นาขั้นบันได

นาขั้นบันได นาข้าวที่ปลูกตามไหล่เขา เป็นอีกหนึ่งวิวสวยขั้นเทพ ไฮไลท์ของที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวให้มาชมความงามอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นหน้าฝนหรือหน้าหนาว มี 11 ที่เที่ยวนาขั้นบันได ในเมืองไทยมาให้ดูกัน เอาไว้เป็นอีกหนึ่งพิกัด ปักหมุดไว้ว่าต้องไป! เป็นมนต์เสน่ห์ในความเรียบง่าย ที่เต็มไปด้วยความสุขและได้ชมทัศนียภาพแบบขั้นเทพ
5. พระธาตุดอยสุเทพ

วัดพระธาตุดอยสุเทพ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1927 (จ.ศ. 746) ในสมัยพญากือนา กษัตริย์องค์ที่ 6 แห่งอาณาจักรล้านนา ราชวงศ์มังราย พระองค์ทรงได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุองค์ใหญ่ ที่ได้ทรงเก็บไว้สักการบูชาส่วนพระองค์ถึง 13 ปี มาบรรจุไว้ที่นี่ ด้วยการทรงอธิษฐานเสี่ยงช้างมงคลเพื่อเสี่ยงทายสถานที่ประดิษฐาน พอช้างมงคลเดินมาถึงยอดดอยสุเทพ มันก็ร้องสามครั้ง พร้อมกับทำประทักษิณสามรอบ แล้วล้มลง พระองค์จึงโปรดเกล้าฯให้ขุดดินลึก 8 ศอก กว้าง 6 วา 3 ศอก หาแท่นหินใหญ่ 6 แท่น มาวางเป็นรูปหีบใหญ่ในหลุม แล้วอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุลงประดิษฐานไว้ จากนั้นถมด้วยหิน แล้วก่อพระเจดีย์สูง 5 วา ครอบบนนั้น
ด้วยเหตุนี้ จึงห้ามพุทธศาสนิกชนที่ไปนมัสการสวมรองเท้าใน บริเวณพระธาตุ และมิให้สตรีเข้าไปบริเวณนั้น ในปีพ.ศ. 2081 สมัยพระเมืองเกษเกล้า กษัตริย์องค์ที่ 12 ได้โปรดฯให้เสริมพระเจดีย์ให้สูงกว่าเดิม เป็นกว้าง 6 วา สูง 11 ศอก พร้อมทั้งให้ช่างนำทองคำทำเป็นรูปดอกบัวทองใส่บนยอดเจดีย์ และต่อมาเจ้าท้าวทรายคำ ราชโอรสได้ทรงให้ตีทองคำเป็นแผ่นติดที่พระบรมธาตุ ในปีพ.ศ. 2100 พระมหาญาณมงคลโพธิ์ วัดอโศการาม เมืองลำพูนได้สร้างบันไดนาคหลวงทั้ง 2 ข้าง เพื่อให้ประชาชนขึ้นไปสักการะได้สะดวกขึ้น และกระทั่งถึงสมัยครูบาศรีวิชัย ได้สร้างถนนยาวตั้งแต่ช่วงสวนสัตว์เชียงใหม่ผ่านวัดพระธาตุดอยสุเทพและไปสิ้นสุดที่พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ โดยถนนที่สร้างนี้มีความยาวถึง 11.53 กิโลเมตร
ชมสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ได้ที่ ท่องเที่ยว : เรียบเรียงโดยทีมงาน PG SLOT
Last Update : 07/03/2563