
เที่ยวลำปาง
เที่ยวลำปาง เมืองสโลวไลฟ์ ที่เหมาะสำหรับมาปล่อยชีวิตให้เดินอย่างช้าๆ ชมเมือง วัดวาอาราม สิ่งก่อสร้างที่มีศิลปะเก่าแก่งดงาม เหมาะสำหรับมาสูดกลิ่นไอแห่งความเป็นล้านนาไทย อีกทั้งยังมีสถานที่งดงามด้วยธรรมชาติที่งดงามแปลกตา ลำปางมีที่เที่ยวเด็ดๆ ที่ไหนบ้าง
ถ้านึกถึงจังหวัดลำปาง หลายคนอาจจะนึกถึงความเป็นเมืองรอง, เมืองทางผ่าน, ชามตราไก่, รถม้า แต่บอกเลยว่าที่พูดมามันแค่ส่วนเดียว ลำปางยังมีที่เที่ยวธรรมชาติแบบ Unseen ให้คุณได้ไปสัมผัส นอกจากนั้นยังมีที่เที่ยวลำปางสำคัญ ๆ อีกหลายที่ ไม่ว่าจะเป็นวัดพระธาตุลำปางหลวง, เหมืองแม่เมาะ, อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน และอีกหลาย ๆ ที่ ที่คุณอาจไม่เคยรู้จัก กับสถานที่น่าเที่ยวจังหวัดลำปางกันได้เลย

อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน
อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ตั้งอยู่หมู่ที่ 8 ตำบลวังเงินถนนลำปาง-เดินชัย บริเวณอุทยานฯมีธารน้ำแร่ ที่เต็มไปด้วยโขดหินธรรมชาติ ที่สวยงามแทรกกอยู่ท่ามกลางแอ่งน้ำร้อน น้ำแร่ที่มีอุณหภูมิสูง ถึง 70 – 80 องศาเซลเซียส สามารถแช่ไข่ให้สุกได้ภายใน 15 นาที ไข่จะมีลักษณะไข่แดงสุกไข่ขาวสุกไม่แข็งจะ เหมือนมะพร้าวอ่อน เมื่อนำมาปรุงเป็น “ ยำไข่แช่น้ำแร่ ” ซึ่งเป็นเมนูขึ้นชื่อ อร่อยยิ่งนัก บริเวณน้ำตกแจ้ซ้อน และ อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนห่างกันประมาณ1กิโลเมตร ธารน้ำ จากน้ำตกแจ้ซ้อนไหลมาบรรจบกับธารน้ำร้อน จากน้ำแร่ กลายเป็นธารน้ำอุ่น ทางอุทยานฯจึงสร้างที่อาบน้ำแร่ขึ้นอย่างมาตรฐานเพื่อ บริการแก่นักท่องเที่ยวเพื่อจะได้มาแช่น้ำแร่ อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ได้รับรางวัล “อุทยานแห่งชาติดีเด่นประจำปี 2543 ” ตามที่ กรมป่าไม้ได้จัดงานวัน สถาปนากรมป่าไม้ ครบรอบ 104 ปี เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2543

วัดพระธาตุลำปางหลวง
ตั้งอยู่ในเขตตำบลลำปางหลวง อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง อยู่ห่างจากตัวเมืองลำปาง ไปทางทิศตะวันตก เฉียงใต้ประมาณ 18 กิโลเมตร วัดพระธาตุลำปางหลวง เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองลำปางมาแต่โบราณ ตามตำนานกล่าวว่ามีมา ตั้งแต่สมัย พระนางจามเทวี ในราวพุทธศตวรรษที่ 20 ตอนปลายเป็นวัดไม้ที่สมบูรณ์ที่สุด แห่งหนึ่งของไทย งดงามด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่ มากมายพระธาตุลำปางหลวง เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของ คนปีฉลู ด้วยเริ่มสร้างในปีฉลูและเสร็จในปีฉลู เช่นกัน ฐานเป็นบัวลูกแก้ว ส่วนองค์เป็นทรงกลมแบบล้านนาภาย นอกบุด้วยทองจังโก ยอดฉัตรทำด้วยทองคำ มีลายสลักดุนเป็นลวดลายประจำยามแบบต่างๆ ลักษณะเจดีย์ แบบนี้ได้ส่งอิทธิพลให้พระธาตุหริภุญไชย และพระบรมธาตุจอมทอง ภายในองค์พระเจดีย์บรรจุพระเกศาและ พระอัฐิธาตุ

วัดศรีชุม
วัดศรีชุม วัดเก่าแก่ที่มือชื่อเสียงของจังหวัดลำปาง ตั้งอยู่ที่ถนนทิพย์วรรณ ตำบลสวนดอก อำเภอเมือง จังหวัดลำปางเป็นวัดพม่าเก่าแก่ สร้างด้วยไม้จากป่าฝั่งพม่าทั้งสิ้นมีความสวยสดงดงามเป็นอย่างมาก มีพระบรมธาตุซึ่งเป็นพระบรมธาตุสีทองศิลปะแบบพม่าและมอญ ภายใน บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อันเชิญจากพม่าเป็นที่ เคารพสักการะ ของชาวเมืองลำปางมาช้านาน ภายในวิหารมีภาพจิตรกรรม ฝาผนังเรื่องพุทธประวัติและภาพจำลองแผนผังของวัด ส่วนหลังคาวิหารทำเป็นไม้เครื่องแกะสลักยอดแหลมสลักเป็นลวดลายสวยงามมาก เป็นวัดพม่าที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาวัดพม่าที่มีอยู่ใน ประเทศไทยทั้งหมด 31 วัด
วัดศรีชุม สร้างในปีพ.ศ. 2436 โดยคหบดีพม่าชื่ออูโย ซึ่งติดตามชาวอังกฤษเข้ามาทำงานป่าไม้ในประเทศไทย เมื่อตนเองมีฐานะดีขึ้น จึงต้องการทำบุญโดยสร้างวัดศรีชุมขึ้นในเขตตำบลสวนดอก พระวิหารที่สร้างเป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ ที่มีศิลปะการตกแต่งภายใน ร่วมสมัยระหว่างศิลปะล้านนาและศิลปะพม่า หลังคาเครื่องไม้ยอดแหลมแกะสลักเป็นลวดลายสวยงามมาก เมื่อวันที่ 16 มกราคม2535 ว่าได้เกิดเหตุเพลิงไหม้พระวิหารลงทั้งหลัง คงเหลือเพียงไม้แกะสลักตรงซุ้มประตูเป็นลวดลายพรรณพฤกษาฉลุโปร่ง เท่านั้น

กาดกองต้า
กาดกองต้าหรือตลาดจีน ที่ชาวบ้านเรียกติดปาก เป็นย่านตลาดเก่าตั้งอยู่ขนานกับลำน้ำวัง ในซอยตลาดจีนริมน้ำ มีอาคารโบราณอายุเหยียบร้อยปี บนถนนตลาดเก่าตลอดทั้งสาย ชุมชนกาดกองต้าถือเป็นถนนสายเศรษฐกิจ ที่มีความเป็นมาที่เก่าแก่ และมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ กาดกองต้า หมายถึงตลาดตรอกท่าน้ำ ในอดีตเคยเป็น ตลาดที่มีความเจริญรุ่งเรืองมากตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เนื่องจากเมืองลำปางนั้นเคยเป็นศูนย์กลางทางการค้าของ ภาคเหนือย่านการค้าส่วนมากมักเกิดขึ้นริมฝั่งแม่น้ำสายใหญ่อย่างแม่น้ำวัง ทำให้เกิดชุมชนที่เข้ามาทำธุรกิจ เช่น อังกฤษ พม่า และจีน ซึ่งเป็นกลุ่มที่เข้ามาทำการค้ามากที่สุด จนกลายเป็นชุมชนชาวจีนขนาดใหญ่ ชาวบ้านจึง เรียกกาดกองต้าว่าตลาดจีน
ในอดีตย่านนี้มีผู้คนจากหลายเชื้อชาติอาศัยอยู่ยาวนานกว่า 100 ปี อาคารบ้านเรือนบริเวณสองฝั่งแม่น้ำวังจึงมี รูปแบบสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างยุโรป จีน และพม่า ดังนั้น ถนนตลาดเก่าเส้นนี้จึงเต็มไปด้วยบ้านเรือนสวย ๆ หลากสไตล์บ้านเรือนสิ่งก่อสร้างมีทั้งเรือนแบบไทยภาคกลาง เรือนล้านนา เรือนพม่า ที่ดูจะโดดเด่นเห็นจะเป็น เรือน แบบจีน และเรือนขนมปังขิงแบบฝรั่งตะวันตก ทั้งนี้อาจเพราะในสมัยนั้นประเพณีราชนิยมแบบตะวันตก กำลังได้รับความนิยมสูงสุดในภาคกลาง ชาวตะวันตกเข้ามามีความสัมพันธ์กับสยามมากมาย

วัดพระธาตุดอยพระฌาน
วัดพระธาตุดอยพระฌาน ตั้งอยู่ตำบลป่าตัน อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนยอดเขาอันเงียบสงบภูเขาที่เรียกว่าดอยพระฌาน สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์และทัศนียภาพที่สวยงามของอำเภอแม่ทะ เห็นทิวเขาต้นไม้ที่เขียวขจีได้รอบทิศ ในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาวในช่วงเวลาเช้าสามารถเห็นทะเลหมอกอันงดงามได้อีกด้วย
พระธาตุดอยพระฌาน เป็นศาสนสถานที่สำคัญของอำเภอแม่ทะ จากประวัติจากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ ท่านกล่าวว่า ตั้งแต่เกิดมาก็เห็นองค์พระธาตุนี้แล้ว แสดงว่าพระธาตุนี้มาก่อนที่จะได้รับการบูรณะเป็นองค์พระธาตุสีขาวในปัจจุบัน ในอดีตที่ผ่านมา หลวงพ่อปัญญา วัดนาคตหลวง เป็นผู้นำพระ เณร และพุทธศาสนิกชนในตำบล มาช่วยกันบูรณะซ่อมแซมองค์พระธาตุและบริเวณโดยรอบ พื้นที่บนยอดเขามีขนาดเล็กและแคบ สิ่งก่อสร้างที่เคยมีอยู่ คือ ศาลาไม้ แต่ปัจจุบันถูกรื้อไปแล้วเพราะชำรุดไปตามกาลเวลา ส่วนที่คงเหลืออยู่ ปัจจุบันท่านได้มรณภาพไปแล้ว

วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม
วัดพระแก้วดอนเต้า เป็นวัดเก่าแก่มีประวัติความเป็นมามากกว่า 500 ปี เคยเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต จากหลักฐานทาง ประวัติศาสตร์ กล่าวว่า พระเจ้าสามฝั่งแกนเจ้าเมืองเชียงใหม่ ได้จัดขบวนช้างไปรับพระแก้วมรกตจากเชียงรายเพื่อจะอัญเชิญมา ประดิษฐานยังนครเชียงใหม่ ครั้นถึงทางแยกเมืองนครลำปาง ช้างก็ตื่นวิ่งเข้าไป ในนครลำปาง ในที่สุดพระเจ้าสามฝั่งแกนต้องยินยอมให้ พระแก้วมรกต ประดิษฐานอยู่ ณ วัดพระแก้วดอนเต้า เป็นเวลาถึง 32 ปี
ต่อจากนั้นจึงอัญเชิญไปประดิษฐานยังเมืองเชียงใหม่ต่อมา พระเจ้าไชยเชษฐาซึ่ง เคยมาครอง เมืองเชียงใหม่ได้กลับไปครองเมืองหลวงพระบาง จึงได้อัญเชิญพระแก้วมรกตไปและได้นำไป ประดิษฐานอยู่ที่เมืองเวียงจันทน์ ต่อเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชขณะเมื่อทรงเป็นเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ยกทัพไปตีหัวเมืองลาวจนถึงเวียงจันทน์ จึงได้อัญเชิญพระแก้วมรกตจากเวียงจันทน์มาประดิษฐานที่กรุงธนบุรี ต่อมาเมื่อได้สถาปนา กรุงเทพ ฯ เป็นเมืองหลวง

บ้านเสานัก
บ้านเสานัก ตั้งอยู่ อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง เป็นบ้านที่มีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นมากหลังหนึ่งในจังหวัดลำปาง เป็นบ้านไม้ที่มี เสาไม้สัก มากถึง 116 ต้น จึงเรียกว่าบ้านเสานัก ตามภาษาพื้นเมือง “นัก” มีความหมายว่า “มาก สร้างด้วย ศิลปะพม่าผสมล้านนา ประกอบด้วยเรือนใหญ่ซึ่งเป็นเรือนหมู่ มีเสาไม้สักรองรับน้ำหนักบ้านถึง 116 ต้น โดยแบบระเบียงบ้านได้รับอิทธิพลสถาปัตยกรรม แบบพม่า ในขณะที่หลังคาและโครงสร้างโดยทั่วไปเป็นแบบล้านนา แต่เดิมบ้านเสานักเป็นสถานที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองและใช้เป็น
สถานที่จัดขันโตกและงานพิธีมงคล บ้านเสานักมีเรือนนอนสองหลังเชื่อมต่อกันด้วยหลังคา โดยส่วนพักอาศัยทอดยาวตลอดด้านหน้า ของตัวบ้าน เนื้อที่ของบ้านตกราว 3 ไร่ ประกอบด้วยเรือนใหญ่ ซึ่งเป็นเรือนหมู่ โรงรถ และยุ้งข้าว มีบ่อน้ำหน้าบ้าน 2 บ่อ หลังบ้าน 1 บ่อ ไม้ยืนต้นอายุมากกว่าตัวบ้านคือ ต้นสารภีหลวง ซึ่งยืนตระหง่านอยู่ตรงทางเข้า รูปแบบและความเก่าของบ้านเสานัก สะท้อนให้เห็น ถึงวิถีชีวิต รสนิยม แบบแผนประเพณีพื้นเมืองของชาวลำปางเป็นอย่างดี ดังนั้นบ้านเสานักจึงเป็นงานสถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่า
ในโลกของเรามีทั้งหมด 193 ประเทศ และแบ่งเป็น 7 ทวีปใหญ่ๆ ได้แก่ เอเชีย ออสเตรเลีย หมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก ยุโรป อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ และ แอฟริกา ทั้งหมดนี้ก็มีวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ภาษา ศาสนา และ วิธีการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน และในบทความนี้เราจะมาแนะนำ 20 เมนูสุดแปลกรอบโลก ที่คุณอาจไม่เคยรู้
บทความที่น่าสนใจ : เที่ยวเชียงใหม่ ไปไหนดี